ประเทศที่ติดอันดับมีระบบการศึกษาดีที่สุดคือ ประเทศเกาหลีใต้
เกาหลีใต้ทุ่มงบประมาณการศึกษาในปีที่ผ่านมา $11,300,000,000 และมีอัตราการรู้หนังสือจำนวนทั้งสิ้น 97.9% แบ่งออกเป็น เพศชาย 99.2% และเพศหญิง 96.6% และจะเห็นได้ว่าทั้งนักเรียนและนักศึกษาของประเทศนี้จะเรียนหนังสือกันหนักมาก โดยมีการจัดตารางเรียนแน่นทุกวัน ซึ่งสามารถแบ่งระบบการศึกษาได้ดังนี้ ชั้นประถมศึกษา 6 ปี มัธยมศึกษาตอนต้น 3ปี มัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี และวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย 4 ปี
2.ประเทศญี่ปุ่น
ต้องยอมรับว่าความสำเร็จทางการศึกษาของประเทศนี้นั้น อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ยกตัวอย่างเช่น การสอบวัดความรู้ด้านวิชาคณิตศาสตร์นานาชาติ ผลปรากฎว่า เด็กญี่ปุ่นถูกจัดให้ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ มาโดยตลอด ซึ่งวัดจากผลการสมัครเข้าเรียนตลอดจนอัตราการรับ ระบบการสอบเข้า (การสอบเอนทรานซ์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมหาวิทยาลัย ที่นับได้ว่ามีอิทธิพลต่อการศึกษาทั้งระบบเป็นอย่างมาก ประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และเป็นสังคมที่มีระเบียบวินัยสูงอีกด้วย
3.ประเทศสิงคโปร์
แทบทุกปี ที่เราจะพบว่า ประเทศสิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยมติดอยู่ในลำดับต้น ๆ มาโดยตลอด ทุกโรงเรียนจะถูกควบคุมโดยกระทรวงศึกษาธิการ สามารถแบ่งระบบการศึกษาออกเป็น ชั้นประถม 6 ปี และมัธยม 4 ปี ต่อจากนั้นก็จะเป็นการศึกษาที่สูงขึ้น เช่น จูเนียร์คอลเลจ และมหาวิทยาลัย การเรียนการสอนของประเทศนี้ จะเน้นความง่าย เรียนจากความเป็นจริง รวมถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ 4 ด้านคือ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา
4.ประเทศฮ่องกง
หลังจากที่ประเทศฮ่องกงได้ทำการปฏิรูประบบการศึกษาใหม่ โดยยกเลิกระบบการศึกษาแบบเดิมของประเทศอังกฤษ ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนสามารถติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก โดยขยายการศึกษาภาคบังคับจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ขยายเวลาเรียนจบในระดับปริญญาตรีจาก 3 ปี เป็น 4 ปี และใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนกวางตุ้งเป็นภาษาหลักในตำราเรียน
5.ประเทศฟินแลนด์
เชื่อหรือไม่คะว่า โรงเรียนในประเทศฟินแลนด์นั้น ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีการสอบเข้าสถานศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมทางการศึกษา ไม่มีการจัดอันดับสถานศึกษา ไม่มีหน่วยงานคอยควบคุมวัดระดับเพื่อประเมินผล โดยการศึกษาภาคบังคับเริ่มต้นเมื่อเด็กอายุ 7 ปี ไม่เน้นการเรียนอนุบาล แต่จะเน้นให้อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด ซึ่งระดับประถมจะใช้เวลาเรียนน้อย และให้เด็กได้ทำในสิ่งที่สนใจมากกว่า ที่สำคัญจะไม่เน้นเรื่องการแข่งขัน นั่นถึงเป็นสาเหตุที่ทำไม ประเทศนี้จึงไม่มีเกรดเฉลี่ย