กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน

กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน



วันนี้ (9 มิ.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ที่มี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ว่า สำนักการศึกษา กทม.ได้รายงานการเตรียมความพร้อมแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด กทม.ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยโรงเรียนในสังกัด กทม.แบ่งตามจำนวนนักเรียนได้ 3 ขนาด ได้แก่

1.โรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน

โรงเรียนขนาดเล็ก 204 แห่ง จะจัดให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ โดยให้นักเรียนไปโรงเรียนทุกวัน และเรียนตามตารางเรียนในชั่วโมงหรือคาบเรียนปกติ ใน 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 20 คนโดยประมาณ และให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคมทั้งเวลาเรียน ช่วงเวลาพัก และการรับประทานอาหาร

2.โรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 401-800 คน

3.โรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 801-1,500 คน


กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน


โรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 233 แห่ง จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ

- แบบสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดกลาง เช่น ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรียนวันอังคาร วันพฤหัส ส่วนระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เรียนวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ 

โดยในช่วงที่นักเรียนไม่ได้ไปเรียนในวันปกติ จะใช้วิธีการเรียนรู้ทางออนไลน์ และออน แอร์ โดยให้ครูควบคุมดูแลในการจัดการเรียนรู้ และมอบแบบฝึกหัด การบ้าน ใบงานหรือกิจกรรมให้ไปทำที่บ้าน และให้นับเวลาการเรียนช่องทางดังกล่าวชดเชยการเรียนในช่วงเวลาปกติได้ด้วย

- แบบเรียนปกติ ร่วมกับสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดใหญ่ และโรงเรียนขนาดใหญ่มาก ที่มีนักเรียนมากกว่า 1,500 คน คือ ระดับอนุบาล และระดับประถมศึกษาตอนต้น ให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ สำหรับระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาให้สลับวันมาเรียน


กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน


ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จะให้สถานศึกษาพิจารณาการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม โดยตั้งแต่วันที่ 1-20 มิ.ย.63 สำนักการศึกษา กทม.จะได้ตรวจความพร้อมของโรงเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานอีกครั้ง ในส่วนของการวัดและประเมินผลระดับปฐมวัย จะใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรม การพูดคุย การซักถาม การตรวจสอบชิ้นงาน โดยครูจะประสานของความร่วมมือผู้ปกครองในการร่วมประเมินพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ใช้การประเมินหลายรูปแบบร่วมกัน อาทิ การเข้าชั้นเรียน การสังเกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน การสัมภาษณ์ พูดคุย ซักถาม การทำแบบทดสอบออนไลน์ การทดสอบด้วยข้อสอบแบบเขียนตอบหรือความเรียงแบบออนไลน์ เป็นต้น

กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน


นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอื่นๆ ได้แก่ มาตรการดูแลระหว่างเดินทางไปโรงเรียน กรณีเดินทางด้วยรถตู้โดยสาร ให้คนขับรถสวมหน้ากากอนามัยและทำความสะอาดเบาะที่นั่งก่อนรับ-ส่งนักเรียนทุกครั้ง หรือหากผู้ปกครองไปส่งนักเรียนที่โรงเรียน ต้องมีการจัดพื้นที่สำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียน และมีการคัดกรองอุณหภูมิทุกครั้ง

มาตรการสำหรับกิจกรรมหน้าเสาธง กรณีโรงเรียนขนาดเล็กและมีพื้นที่ สามารถให้นักเรียนร่วมกิจกรรมได้ปกติภายใต้มาตรการเว้นระยะห่าง กรณีมีพื้นที่จำกัด ให้นักเรียนเข้าแถวที่โต๊ะในห้องเรียน หรือเข้าแถวหน้าห้องเรียน


กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน


มาตรการในห้องเรียน ให้มีการจัดโต๊ะเรียนจำนวนไม่เกิน 20 ตัว โดยแต่ละตัวเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ให้ทำความสะอาดห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งก่อนเรียน พักกลางวันและหลังเลิกเรียน สำหรับการนอนของนักเรียนปฐมวัย ให้งดการใช้เครื่องปรับอากาศ อาจใช้พัดลมแทน

มาตรการสำหรับการรับประทานอาหาร ให้โรงเรียนพิจารณาจัดที่รับประทานอาหารทั้งในห้องเรียนและโรงอาหาร และเหลื่อมเวลาตามบริบทและความพร้อมของโรงเรียน โดยในโรงอาหารต้องมีฉากพลาสติกใสกั้น และเว้นระยะนักเรียน แม่ครัว พนักงาน ต้องใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ

สำหรับการจัดการเรียนการสอนของเด็กพิเศษ (เรียนร่วม) ให้จัดการเรียนการสอนแบบปกติ นักเรียนสามารถมาเรียนได้ทุกวัน โดยมีการเว้นระยะห่าง และกำหนดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียน 6 คน ต่อ 1 ห้องเรียน


กทม.วางแผนเปิดเทอมโรงเรียนในสังกัด 2 รูปแบบ ก่อนเปิดเรียน



เครดิตแหล่งข้อมูล : tnnthailand

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ดูดวง เลขบัตรประชาชน คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์