9 ลักษณะสำคัญของคน Gen Alpha เพื่อพัฒนารูปแบบ การเรียนรู้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความแตกต่างของช่วงวัย และอายุ หรือ Generation ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่มักจะทำให้เกิดความขัดแย้งในด้านความคิด จนนำมาสู่การแสดงออกต่างๆ ของคนในสังคม ไม่จะเป็นในโลกออนไลน์ สังคมการงาน สังคมในโรงเรียน หรือแม้แต่คนในครอบครัวกันเอง ซึ่งบางครั้งอาจจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งที่ใหญ่โตในครอบครัว และลุกลามไปจนถึงปัญหาการเรียนรู้ และพัฒนาการของเด็ก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กกลุ่ม Gen Alpha หรือ Generation Alpha หมายถึง กลุ่มเด็กที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเติบโตขึ้นมาโดยมีเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ดังนั้นผู้ปกครอง และคุณครูจะต้องเข้าความเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของเด็กกลุ่มให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้นำไปพัฒนา และส่งเสริมรูปแบบการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็กแต่ละคน

...
9 ลักษณะสำคัญของ Gen Alpha

สภาการศึกษา ได้ให้ข้อมูล 9 ลักษณะสำคัญของ Gen Alpha เพื่อนำมาให้คุณครู และผู้ปกครองได้เรียนรู้ และนำไปปรับใช้กับเด็กๆ วัยนี้ ได้อย่างเหมาะสม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ชาวดิจิทัลโดยกำเนิด (Digital Natives) Gen Alpha เกิดมาในโลกดิจิทัลที่เทคโนโลยีผสมผสานเข้ากับทุกแง่มุมของการเรียนรู้และเวลาว่าง ข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่า มีการใช้เวลากับหน้าจอมากกว่าคนรุ่นก่อน 3-5 ชั่วโมง แต่ที่น่าสนใจ คือพวกเขาไม่ละทิ้งความสนใจต่อกิจกรรมกลางแจ้ง 46% ของ Gen Alpha ต้องการประกอบอาชีพที่มีโอกาสได้ทำงานกลางแจ้งในอนาคต

2. ทูตระดับโลก (Global Ambassadors) พวกเขาเติบโตในโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน เปิดรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม และตระหนักถึงความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยุติธรรมทางสังคม และสิทธิมนุษยชน การเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและมุมมองจากทั่วโลกได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน

3. แชมป์สุขภาพจิต (Mental Health Champions) Gen Alpha ตระหนักและให้ความสำคัญต่อสุขภาพจิตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น Gen ที่มีสุขภาพจิตและความยืดหยุ่นทางจิตใจดีที่สุด

ผลการศึกษาพบว่า 1 ใน 4 ของวัยรุ่นปัจจุบัน อยู่ในเกณฑ์ที่มีอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น แม้ Gen Alpha สามารถเป็นนักบำบัดตัวน้อยในการฝึกฝน อย่าลืมว่าพวกเขายังคงมีจิตใจของเด็ก ที่ต้องการความสนใจและการดูแล

4. ผู้รักอิสระ (Independent Mavericks) Gen Alpha มีความเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเองสูงตั้งแต่เด็ก ชอบตัดสินใจด้วยตัวเอง ชอบการสำรวจและค้นหาสิ่งต่างๆ สำหรับตนเอง เติบโตมากับผู้ปกครองที่ให้อิสระทั้งการแสดงออกและการดูแลตัวเอง จึงมีจิตวิญญาณของการพึ่งพาตนเอง และความเป็นปัจเจก

5. พ่อมดผู้ประกอบการและสร้างสรรค์ (Entrepreneurial and Creative Wizards) Gen Alpha เป็นนวัตกรโดยธรรมชาติ คิด ฝัน และเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีสร้างให้เป็นจริง จากการวิจัยพบว่า 76% ของ Gen Alpha ต้องการเป็นนายตัวเอง มีเพียง 13% ที่ชอบการเป็นลูกจ้างแบบเดิม แสดงถึงแนวโน้มการเป็นผู้ประกอบการ หรือการแสวงหาอาชีพหลากหลายอื่น นอกเหนือจากเส้นทางอาชีพแบบดั้งเดิมของ Gen Alpha

6. ผู้ใช้อารมณ์และความรู้สึกนำ (Emotionally and Psychologically Driven) สังคมออนไลน์ มีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของ Gen Alpha พวกเขาใช้อารมณ์ และความรู้สึกนำในการตัดสินใจและกระทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับยอดไลค์ ผลคะแนน และการจัดอันดับ คำพูดสร้างแรงบันดาลใจ การเล่นเกม และเนื้อหาที่มีการโต้ตอบก็กระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจได้มากกว่าการลงโทษและระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบประสบการณ์ ที่สร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของ Gen Alpha ได้

7. ผู้มีข้อมูลท่วมท้น (Data and Information-drenched) Gen Alpha อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เข้าถึงง่ายและมีมากมาย โดยมีเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับความชอบ และความสนใจสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมโลกทัศน์ของพวกเขาตั้งแต่อายุยังน้อย สร้างความคุ้นเคยกับเครื่องมือดิจิทัล และส่งผลให้เกิดความคาดหวังในการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ในทันที

8. ผู้ปรับตัวอย่างว่องไว (Nimble Chameleon) Gen Alpha ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง การต้องใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่เด็ก แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นในการปรับตัว และเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ พร้อมยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และฟื้นตัวได้เร็วเมื่อเผชิญกับความท้าทาย

นอกจากนั้น การเติบโตในยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลาย และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ส่งเสริมให้มีมุมมองที่เปิดกว้าง พร้อมโอบรับมุมมองและสถานการณ์ที่แตกต่างไปได้ดี

9. ส่วนผสมของ X Y และ Z (Combination of Gen X, Y and Z) Gen Alpha ผสมผสานคุณลักษณะเฉพาะจากรุ่นก่อนๆ โดยมีจิตวิญญาณที่เป็นอิสระของ Gen X มีความคล่องแคล่วด้านดิจิทัล และจิตวิญญาณของผู้ประกอบการของ Gen Y และกรอบความคิดที่ใส่ใจต่อสังคมของ Gen Z ก่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ของตนเองในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับ Gen Alpha เป็นแบบไหน

สำหรับการจัดการเรียนรู้ ที่เหมาะสมกับ Gen Alpha แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้

1. การศึกษาแบบใช้ทักษะเป็นฐาน (Skill-based Education) : รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นทักษะที่จำเป็น

Gen Alpha อยู่ในยุคที่ความรู้และข้อมูลจำนวนมหาศาลสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย จึงจำเป็นที่จะต้องมีทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ แยกแยะ ประเมินแหล่งที่มา และเลือกใช้ข้อมูลอย่างเหมาะสม

มีการส่งเสริมการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง การเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม (Teamwork) พัฒนาทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) การคิดเชิงนวัตกรรม (Innovation Thinking) ความฉลาดรู้ในการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Literacy) และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

Gen Alpha เหมาะกับการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การแก้ปัญหา การสำรวจ และการเรียนรู้ที่บูรณาการเข้ากับโลกภายนอกห้องเรียน มีช่วงเวลาการเรียนรู้แบบอิสระ ควรเพิ่มเติมความตระหนักรู้เกี่ยวกับโลก (Global Awareness) การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลาย (Cross-Cultural Competence) และความฉลาดรู้ด้านสุขภาพจิต (Mental Health Literacy)

2. การศึกษาแบบใช้ดิจิทัลเป็นฐาน (Digital-based Education) : รูปแบบการเรียนรู้บนดิจิทัล

โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ และทรัพยากรดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ออกแบบให้มีประสบการณ์การเรียนรู้แบบโต้ตอบ เช่น แพลตฟอร์มที่สามารถโต้ตอบกันได้ มีเส้นทางการเรียนรู้ส่วนบุคคล รูปแบบการเรียนรู้แบบเกม และสามารถรองรับรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่หลากหลาย เช่น สภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เกี่ยวกับแนวคิดที่ซับซ้อน

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องให้ความสำคัญกับทักษะทางสังคมและอารมณ์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณเมื่ออยู่ในโลกดิจิทัล สุดท้ายคือการรักษาสมดุลของเวลาให้เหมาะสมระหว่างโลกในหน้าจอและโลกแห่งความเป็นจริงเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรเลือกใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานระหว่างโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์.

เครดิตแหล่งข้อมูล : thairath