
ไขข้อข้องใจ กับ กยศ.และทำอย่างไร ถ้าไม่อยากถูกหักเพิ่ม

กยศ. ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ลดดอกเบี้ย ไม่ต้องมีผู้ค้ำ พร้อมเผยเหตุผลหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท
หลังจากพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ครั้งใหญ่ เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมกว่า 3.5 ล้านราย โดยมีสาระสำคัญคือ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือไม่เกิน 1% ต่อปี ลดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี และยกเลิกการค้ำประกัน
ล่าสุด นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 70% หรือประมาณ 2.3 ล้านราย โดยผู้กู้สามารถตรวจสอบยอดหนี้ใหม่ที่ถูกปรับแล้วได้ทางเว็บไซต์ www.studentloan.or.th ซึ่งระบบใหม่นี้จะตัดลำดับการชำระหนี้เป็น "เงินต้น - ดอกเบี้ย - เบี้ยปรับ" ทำให้ผู้กู้ทุกคนจะเห็นยอดหนี้ลดลงทันที
สำหรับผู้ที่เคยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ก่อนหน้านี้ อาจจะเห็นยอดหนี้สูงขึ้นในช่วงแรก แต่ทาง กยศ. ยืนยันว่าระบบจะปรับปรุงยอดหนี้ให้เป็นปัจจุบันโดยอัตโนมัติภายในเดือนกรกฎาคม 2568 และผู้กู้จะสามารถตรวจสอบยอดหนี้ที่แท้จริงได้ผ่านทางเว็บไซต์
ในส่วนของการคืนเงินให้กับผู้กู้ที่ชำระเงินเกินมาหลังจากการคำนวณหนี้ตามกฎหมายใหม่ ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 พบว่ามีผู้กู้ที่ชำระเงินเกินจำนวน 286,362 บัญชี คิดเป็นเงินกว่า 3,399.12 ล้านบาท ซึ่ง กยศ. ได้ดำเนินการคืนเงินไปแล้วบางส่วน และจะทยอยคืนเงินทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2569
ทำไมถึงถูกหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท?
ประเด็นที่ผู้กู้ยืมหลายรายสงสัยคือ กรณีการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท ซึ่งทาง กยศ. ชี้แจงว่า เป็นผลมาจากผู้กู้ยืมมียอดหนี้ค้างชำระก่อนที่จะเริ่มมีการหักเงินเดือน หรือในระหว่างปีที่ถูกหักเงินเดือนนั้น ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระส่วนต่างเพิ่มเติมในวันที่ 5 กรกฎาคมของงวดปีนั้น ๆ ทำให้มียอดหนี้ค้างสะสม
ทั้งนี้ กยศ. ได้แจ้งให้ผู้กู้ยืมทราบถึงยอดหนี้ค้างชำระผ่านทางหนังสือส่งตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร์ แอปพลิเคชันไลน์ และแอปพลิเคชัน กยศ.Connect ซึ่งผู้กู้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ด้วยตนเอง
แนวทางสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการหักเงินเดือนเพิ่ม
สำหรับผู้กู้ที่ได้รับผลกระทบจากการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาทต่อบัญชี กยศ. ได้วางแนวทางช่วยเหลือดังนี้
1.ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้: ผู้กู้สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับ กยศ. ภายในเดือนพฤษภาคม 2568 โดยจะต้องชำระงวดแรกตามยอดหนี้ที่ปรับโครงสร้างใหม่ด้วยตนเอง และแจ้งให้นายจ้างทราบเพื่อไม่ให้ถูกหักเงินเดือนเพิ่มอีก 3,000 บาท ซึ่งนายจ้างจะเริ่มหักเงินเดือนตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เดือนถัดไป
2.ยื่นขอปรับลดจำนวนการหักเงินเดือน: สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้และยังมียอดหนี้ค้างชำระ หากไม่สะดวกให้หักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาท ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2568 สามารถยื่นขอปรับลดจำนวนการหักเงินเดือนได้ทางเว็บไซต์ กยศ. ภายในวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 (สำหรับเดือนพฤษภาคม) และภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 (สำหรับเดือนมิถุนายน) โดย กยศ. จะแจ้งผลการพิจารณาทาง SMS และแจ้งให้นายจ้างทราบในระบบ e-PaySLF ต่อไป
ไม่อยากถูกหัก 3,000 บาท ต้องทำอย่างไร?
ทางออกที่ดีที่สุดคือ ผู้กู้ยืมควรติดต่อ กยศ. เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือชำระยอดหนี้ค้างชำระ โดยสามารถเดินทางไปติดต่อด้วยตนเอง หรือดำเนินการออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง และไม่ต้องถูกหักเงินเพิ่มเดือนละ 3,000 บาท
นอกจากนี้ กยศ. ยังมีมาตรการลดหย่อนหนี้สำหรับผู้กู้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี โดยจะได้รับส่วนลดเงินต้น 5-10% และส่วนลดเบี้ยปรับ 100% หากชำระหนี้ปิดบัญชีภายในครั้งเดียว ซึ่งสามารถตรวจสอบรายละเอียดและลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ได้ที่ www.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2568





เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!