คปภ.มีมติยังไม่สรรหา ผอ.ศธจ.ที่ว่าง 10 จังหวัด รอเคลียร์ ผอ.เขตพื้นที่ฯก่อน แถมไม่อนุญาตให้ครู สพฐ.ขอย้ายไปสำนักงาน ศธจ.ที่จะมีการเกลี่ยอัตรากำลังรอบ 2 หวั่นกระทบการเรียนการสอน
วันนี้(13 มิ.ย.) ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค (คปภ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้หารือถึงการสรรหาศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)ที่ยังว่างอยู่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ราชบุรี สงขลา ตรัง ระยอง บึงกาฬ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ลำปาง และนราธิวาส เนื่องจากบางจังหวัดได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองศึกษาธิการภาค(ศธภ.) โดยที่ประชุมมีมติว่า จะยังไม่มีการสรรหา ศธจ.ทั้ง 10 จังหวัดในช่วงนี้ แต่มอบหมายให้รอง ศธจ.จังหวัดนั้นรักษาการแทนไปก่อน เพราะขณะนี้กำลังจะมีการสรรหา ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ที่ว่าง 107 ตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติไม่ให้ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ขอย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน ศธจ.ในการเกลี่ยอัตรากำลังรอบสอง ซึ่งยังเหลือตำแหน่งว่างอีก 2,140 อัตรา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนในช่วงเปิดภาคเรียนด้วย
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับวิธีการสรรหา ผอ.สพท.นั้น จะใช้แนวทางเดียวกับการสรรหา ศธจ. ที่จะลดการสอบข้อเขียนให้น้อยลง แล้วไปประเมินจากวิสัยทัศน์ผลงานที่ผ่านมา ประวัติการทำงาน และการสัมภาษณ์ และหลังจากสรรหา ผอ.สพท.แล้วก็จะเป็นการสรรหา รองผอ.สพท.ที่ว่างอยู่ 209 ตำแหน่ง โดยที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ไปพิจารณาแนวทางปรับเปลี่ยนตำแหน่ง รองผอ.สพท. ตำแหน่งที่มีเงื่อนไข หรือ รอง ผอ.ดอกจัน ที่มีอยู่กว่า 300 ตำแหน่ง เข้าสู่รอง ผอ.สพท.ตำแหน่งโครงสร้างก่อน หากยังมีอัตราว่างจึงจะเปิดรับสมัครผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการสรรหาต่อไป แต่หากสามารถปรับให้รองผอ.ดอกจัน เข้าสู่ตำแหน่งรองผอ.โครงสร้างได้ครบ ก็อาจไม่จำเป็นต้องสรรหารอง ผอ.สพท.อีก
"ที่ประชุมยัง พิจารณาคุณสมบัติของประธานคณะอนุกรรมการศธจ. ทั้ง 3 ชุด คือ อ.ศธจ.ด้านการบริหารงานบุคคล อ.ศธจ.ด้านยุทธศาสตร์ และ อ.ศธจ.ด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ว่า ควรคัดเลือกมาจาก ผู้ทรงคุณวุฒิไม่ใช่ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผอ.สพท. เพราะจะทำให้การทำงานมีความซ้ำซ้อน และ ที่ประชุมยังได้พิจารณาคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เรื่องการปฏิรูปการศึกษาของศธ.ในภูมิภาคที่กำหนดให้แต่งตั้ง โอนหรือย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสพท. หรือผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งต่าง ๆ ในหน่วยงานของศธ.ในระดับภูมิภาคหรือจังหวัด ตามประเภทหรือระดับตำแหน่งที่รมว.ศธ. กำหนด ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติให้ คปภ. มีอำนาจโยกย้ายตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางราชการได้ เช่น กรณีผอ.สถานศึกษา กระทำการทุจริต ให้ คปภ. มีอำนาจสั่งย้ายมาช่วยราชการที่ส่วนกลาง หรือ สำนักงาน ศจธ. ศธภ. ได้ ซึ่งคำสั่งนี้สามารถใช้ได้ทั้งด้านบวกและลบ คือ กรณีที่ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยงานในพื้นที่ใดเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าว จะไม่กระทบอำนาจตามปกติของหน่วยงานต่างๆ โดยคปภ.จะใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น "ดร.ชัยพฤกษ์กล่าว.