การศึกษาแบบไหนที่ตอบโจทย์เด็กไทยยุคใหม่ (คลิป)
หลายๆครั้ง เด็กไทยที่กำลังศึกษาอยู่ก็ตั้งคำถามว่า เราจะเอาสิ่งที่เรียนรู้ในระบบการศึกษาไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร…??? วิชาต่างๆ ที่เราเรียนรู้ในระบบนั้น มีความหมายต่อชีวิตในโลกการทำงานจริงแค่ไหน และถ้าเด็กไทยมีเป้าหมายอยากจะประสบความสำเร็จตามความฝันที่พวกเขาตั้งด้วยตัวเองล่ะ มีวิธีอื่นอีกมั้ยที่เด็กจะเรียนรู้และใช้วัดผลได้จริงๆ นอกเหนือจากการวัดผลด้วยเกรดเฉลี่ยและใบปริญญา…!!! คลิปนี้แหละครับ เราจะมาอธิบายว่าการศึกษาแบบไหนที่ตอบโจทย์เด็กไทย
ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าคนรุ่นใหม่สมัยนี้อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากจะเป็นนายตัวเอง เพราะนี่ไม่ใช่กระเเสที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น มันเป็นกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก และก็ไม่แปลกที่ผู้ใหญ่หลายท่านอาจจะไม่เห็นด้วย คิดว่าเด็กรุ่นใหม่ขี้เกียจเลยอยากหาทางลัดด้วยการเป็นเจ้าของกิจการ พวกเขามองว่าการทำงานหนัก 30 ปี แล้วค่อยมีชีวิตสุขสบายในบั้นปลายเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าเด็กคนนั้นมีศักยภาพจริง ในขณะที่เด็กรุ่นใหม่ตั้งถามในมุมตรงข้าม จะทำอย่างไรเราถึงจะมีชีวิตที่ดีได้เลยโดยไม่ต้องรออายุครบ 50 ปี ขัดแย้งกันมั้ยหละครับ
สาเหตุที่คน 2 Gen มองไม่เหมือนกันคืออะไร…??? มันคือต้นแบบครับ…!!!
รุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรามักชื่นชมผู้ใหญ่ที่การงานมั่นคงเป็นไอดอล มีคนนับหน้าถือตา มีตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ แต่เด็กสมัยนี้มีเจ้าของกิจการเป็นแรงบันดาลใจ พวกเขามองคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีชีวิตที่เลือกได้เองเป็นไอดอล
ทำไมต้นแบบถึงแตกต่างกัน
คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ส่วนใหญ่เกิดในยุคอุตสาหกรรม การทำงานเป็นลูกจ้างมั่นคง ความสำเร็จทางสังคมวัดด้วยการไต่เต้าตำแหน่ง ยิ่งมีตำแหน่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งได้รับความชื่นชมมากเท่านั้น
เด็กรุ่นใหม่ที่เกิดในยุคดิจิทัล ยุคที่พวกเขาเห็นนายตัวเองมากมาย มีชีวิตที่ดีตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว เด็กรุ่นใหม่เลยอยากจะก้าวเข้าสู่โลกนายตัวเองเป็นเป้าหมายหลัก และมองงานประจำเป็นทางผ่านประสบการณ์มากกว่าจะฝากชีวิตไว้กับองค์กร
ประเด็นก็คือ ระบบการศึกษายุคก่อน บังคับให้เรียนวิชาต่างๆ มากมายหว่านแหแบบเผื่อใช้ จนเด็กส่วนใหญ่สับสนไปหมดว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อที่จะเป็นอะไรกันแน่ ทำให้หลายคนเกิดปัญหา ค้นหาความชอบตัวเองไม่เจอ
มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะครับ ถ้าโลกไม่ได้หมุนเข้ามาสู่ในยุคดิจิทัลยุคที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำงานแทนคน หุ่นยนต์ทำงานแทนแรงงาน อินเตอร์เน็ตก้าวเข้ามาสู่ชีวิตทุกด้าน และสิ่งที่เคยถูกตราหน้าว่าไร้สาระอย่างเกมกลายเป็นอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกและถูกบรรจุเป็นกีฬา
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะนักศึกษาเท่านั้น แม้แต่ผู้ประกอบการณ์เองก็ประสบปัญหาเช่นกัน เนื่องจากเด็กจบใหม่ที่เข้ามาสมัครงานตามองค์กรล้วนทำงานไม่เป็น ไม่มีประสบการณ์การทำงาน ถึงแม้พวกเขาจะมาพร้อมกับใบปริญญา แต่พวกเขาก็ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะทำงาน ทำให้องค์กรต้องให้เงินเดือนที่ไม่สูงมาก และเสียทรัพยากรอีกต่างหากเพื่อพัฒนาเด็กจบใหม่เก่งพอจะทำงานจริงได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความรู้ที่เด็กมีคือความรู้จากยุคอุตสาหกรรม ในขณะที่ความต้องการขององค์กรสมัยนี้คือคนที่มีความรู้ทางด้านดิจิทัล คนที่ทำงานเป็นและเก่ง
ดังนั้น ถ้าให้วิเคราะห์กันจริงๆ ว่าการศึกษายุคใหม่ที่เด็กต้องการจริงๆควรจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ผมมองว่าหน้าตาการศึกษายุคใหม่ต้องประกอบไปด้วยสมการ 3 อย่าง นั่นคือ ความสนใจ + สอนด้วยตัวจริง + ลงมือทำจริง = ผลลัพธ์
เด็กรุ่นใหม่ต้องการผลลัพธ์ ถ้าเขาจะเลือกเรียนอะไรซักอย่าง เขาย่อมอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้นั้นมันจะพาชีวิตเขาไปสู่ความเป็นไปได้อะไรบ้าง ถ้าเราเริ่มต้นจากแสดงผลลัพธ์ให้เห็นจนเกิดแรงบันดาลใจ เด็กจะเกิดความตั้งใจเรียนเรื่องนั้นขึ้นมาเอง
สังเกตมั้ย ความฝันของเด็กไทยมักขึ้นอยู่กับไอดอลที่พวกเขาชอบ เด็กที่ชื่นชอบนักร้องบางคนมากๆ เขาก็อยากจะหาเงินด้วยดนตรี เด็กที่ดู Youtube มากๆ เขาก็อยากจะสร้างเส้นทางนายตัวเองบน Youtube เด็กที่ใช้เวลาเล่นเกมมากๆ เขาก็อยากจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยเกม
เมื่อเด็กมีความสนใจ ได้รับการเรียนรู้จากผลลัพธ์จริง ได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะเกิดกระบวนการการเรียนรู้ มันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ และสุดท้ายเด็กคนนั้นจะมีความสามารถในการสร้างชีวิตที่ดีติดตัวตลอดไป
แล้วมันจะมั่งคงหรือ…???
วินาทีที่โลกก้าวเข้าสู่ดิจิทัล ความมั่นคงก็สูญสลายหายไปกับความรุ่งเรืองในอดีตแล้ว คนที่แสวงหาความมั่นคงผ่านงานเพียงงานเดียวและปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง จะกลายเป็นคนที่ถูกโลกจับเปลี่ยนแปลงเป็นกลุ่มแรกเลย
หากเราให้ครูยุคดิจิทัลมาสอนแทนคุณครูในยุคอุตสาหกรรม สมการ ความสนใจ + สอนด้วยตัวจริง + ลงมือทำจริง = ผลลัพธ์ และกฏของการเปลี่ยนแปลง จะเป็นเรื่องแรกๆที่ต้องสอนในโรงเรียนเลยครับ
ใช่ เด็กที่เกิดในยุคดิจิทัล ก็ควรใช้วิชาในโลกดิจิทัล และคุณครูที่ใช้ชีวิตอยู่กับโลกยุคดิจิทัลสอนสิ
คำถามสำคัญ คือ มันจะมีหรือ โรงเรียนที่จะสอนเรื่องนั้น มหาวิทยาลัยที่เน้นสอนให้เด็กไทยกล้าที่จะเป็นนายตัวเอง คำตอบคือมีครับ…!!! นั่นคือโครงการ iFIT จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อายุอยู่ระหว่าง 18-22 ปี เราจะต้องมอบวิชาความรู้เพื่อให้เขาเอาไปใช้ชีวิตอีกหลายสิบปีนอกมหาวิทยาลัย และถ้าโลกนี้กำลังเปลี่ยนเข้าสู่ยุคเจ้าของกิจการ iFIT จะเป็นหลักสูตรที่เน้นให้นักศึกษาได้เรียนรู้ตามสิ่งที่ตัวเองสนใจ เรียนกับตัวจริง ได้ลงมือทำโปรเจ็กต์จริง ออกแบบเส้นทางสู่อาชีพในฝัน
หากสนใจเรียนรู้อะไร สามารถเรียนข้ามคณะไปยังวิชาที่ตัวเองสนใจได้เลย มีความรู้ทั้งการเรียนออนไลน์ ออฟไลน์ ที่สำคัญพวกเขาจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมรุ่น หรือรุ่นพี่ที่มีความสนใจในแบบเดียวกัน มีโค้ชผู้เชี่ยวชาญที่จะแนะนำและออกแบบการเรียนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้ามีความฝันที่ชัดเจนว่าต้องการประกอบอาชีพอะไร ก็จะได้เลือกเรียนในเส้นทางที่ตัวเองชอบ และได้ฝึกทักษะเฉพาะทางในอาชีพนั้นจริงๆ
ชีวิตช่วงวัยเรียน คือช่วงสำคัญที่พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกหลานของตัวเองได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ดีที่สุดมักจะเป็นสิ่งที่ลูกหลานค้นหามันเจอด้วยตัวเอง
ที่มา Startyourway
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น