ครูที่สอนให้เด็กเห็นความก้าวหน้าของตัวเอง
ครืด….
เสียงเปิดประตู
เด็กสาวหัวทอง ใส่เสื้อเอวลอยกับกระโปรงสั้นจู๋
ทาเล็บสีสด ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงสุดๆ
… เดินเข้ามาที่โรงเรียนกวดวิชาพร้อมคุณแม่
คุณแม่บอกว่า
“รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูแรง แต่ลูกสาวเป็นเด็กดีมากค่ะ”
นั่นคือวันแรกที่ Tsubota Nobutaka (坪田信貴) ได้พบกับซายากะจัง
เด็กสาวสุดเปรี้ยวที่สอบได้คะแนนติดอันดับโหล่ของโรงเรียน
ซายากะถูกพักการเรียนตอนม. 5 เพราะทำผิดกฎโรงเรียน
แม่เห็นเธอว่างๆ เลยส่งมาเรียนพิเศษที่โรงเรียนของครู Tsubota
ครูให้เธอลองสอบวัดระดับดู เช่น
“คำว่า Strong แปลว่า อะไร”
“อือ…วันอาทิตย์?”
“คำว่า “พวกเขา” ภาษาอังกฤษคือคำว่า…?”
“Hi”
น้องคงจะอยากตอบคำว่า “ฮี” แต่สะกดผิด ….(คำตอบที่ถูกคือ “They”)
ผลการประเมิน….ซายากะมีผลการเรียนเท่ากับเด็กป.4
(ตอนที่เธออยู่ม. 5)
ถ้าเป็นติวเตอร์ คุณจะทำยังไงคะ?
คืนเงินคุณแม่แล้วเชิญหนูน้อยไปเรียนที่อื่นดีกว่า
แต่อาจารย์ Tsubota ไม่ได้คิดเช่นนั้น
เขาถามซายากะว่า อยากเข้ามหาลัยไหน
ซายากะตอบว่า ไม่รู้สิ
Tsubota แหย่ว่า “ลองเข้าโตไดไหม”
ซายากะตอบกลับมาว่า “ไม่เอาอ่ะ มีแต่ผู้ชายบ้าเรียนใส่แว่นหนาๆ”
“งั้น สอบเข้า Keio ไหม? เคยได้ยินคำว่า Keio Boy ไหม?”
“ว้ายยย หนุ่มหล่อเยอะนิ่ ซายากะกับเคโอ น่าสนๆ!”
กับเด็กม.5 ที่ยังแปลคำว่า “Strong” ไม่ออก
ครู Tsubota ยุให้เด็กคนนี้สอบเข้าม.เคโอ …. ม.เอกชนที่สอบเข้ายากที่สุดในญี่ปุ่น
ครูคิดอะไรอยู่…
“อ่านเด็กให้ขาด”
เด็กแต่ละแบบ มีวิธีสอนและวิธีกระตุ้นไม่เหมือนกัน
นอกจากแบบทดสอบวัดระดับความรู้
ครู Tsubota ให้เด็กๆ ทุกคนทำแบบทดสอบจิตวิทยา (เอ็นเนียแกรม)
และแบ่งเด็กๆ เป็น 9 ประเภท
ซายากะจังเป็นประเภท “ผู้เสพย์สุข” มองโลกในแง่ดี
เวลาสอน ต้องขายฝัน โม้เป้าหมายสูงๆ ก็ไม่เป็นไร เด็กพวกนี้ไม่สงสัย
ครู Tsubota จึงบอกซายากะว่า
“ถ้าไป Keio เธอจะได้เจอคนเก๋ๆ คูลๆ นะ ได้อยู่โตเกียวด้วยนะ”
ซายากะผู้มองโลกในแง่ดีก็เริ่มฝันหวาน และมีแรงอ่านหนังสือสอบ
ในทางกลับกัน ถ้าเด็กเป็นประเภท Realistic
ขืนครูมานั่งขายฝันแบบนี้ เด็กคงดูถูก หาว่าครูไม่ได้เรื่องแน่ๆ
ถ้าเป็นเด็กประเภท Perfectionist
เด็กจะมีนิสัยชอบทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ละเอียดที่สุด
แต่สุดท้าย จะเครียดเพราะไม่เป็นไปตามแผน
ครูจึงไม่ตั้งเป้าหมายให้เด็กกลุ่มนี้
และพยายามเน้นเรื่องการจับเวลา และแบ่งเวลาตอบข้อสอบ
“ไม่มีเด็กที่เกลียดความก้าวหน้าของตัวเอง”
ครู Tsubota ไม่ได้รู้สึกท้อใจหรือหนักใจเลย ที่เห็นซายากะสอบได้แค่ระดับป.4
ครูเชื่อว่า เด็กที่ทำคะแนนไม่ดี ไม่ใช่เด็กไม่เก่ง
เพียงแต่พวกเขาแค่ยังไม่ได้เรียน หรือไม่รู้เกี่ยวกับความรู้นั้นๆ เท่านั้น
สิ่งสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่า
การเรียน ก็คือ การฝึกทำสิ่งที่คิดว่าทำไม่ได้ ให้ทำได้
และสนุกไปกับ process นั้น
เด็กที่แยกคำว่า They กับ He ไม่ออก ไม่เข้าใจ
แต่ถ้าเขาเข้าใจความหมาย เข้าใจวิธีใช้ และใช้คำเหล่านั้นมาแต่งประโยคใหม่ๆได้
เขาย่อมทึ่งกับความสามารถกับตัวเอง
เขาย่อมอยากรู้ศัพท์คำใหม่ๆ อีก
นั่นคือ วิธีที่ Tsubota ทำให้เด็กหนีเรียนอย่างซายากะหันมาสนุกกับการเรียนได้
ก่อนอื่น ครูสอนโครงสร้างภาษา เอาให้พื้นฐานแน่น
จากนั้น ค่อยๆ ทำแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ ฝึกให้ใช้พจนานุกรม
พอเริ่มอ่านบทความง่ายๆ เข้าใจ เด็กก็เริ่มสนุกและอยากอ่านอีก
ครูก็ป้อนบทความที่ยาวขึ้น ยากขึ้นให้อ่าน
เมื่อซายากะไปโรงเรียน เธอตกใจที่เธอทำข้อสอบที่โรงเรียนได้
ทั้งๆที่ผ่านมา ส่งกระดาษเปล่าตลอด
เธอเริ่มมั่นใจ และรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นเรื่อยๆ
และยิ่งอ่านหนังสือหนักขึ้น
Tsubota เชื่อว่า
ในโลกนี้ มีเด็กที่เกลียดการเรียนอยู่เยอะ
แต่ไม่มีเด็กคนไหนที่เกลียดความก้าวหน้าของตัวเอง
และ Tsubota เป็นผู้ชี้ทางให้เด็กเห็น “ความก้าวหน้า” ของตัวเอง
ตัวเองในวันนี้ ที่รู้มากกว่าตัวเองเมื่อวาน
ตัวเองในวันนี้ ที่รู้มากกว่าตัวเองในเดือนก่อนมากๆ
ในบทความนี้ ดิฉันไม่ขอเขียนคำสรุปเกี่ยวกับวิธีสอนของครู Tsubota
แต่ขอแปลบางส่วนของจดหมายที่ซายากะเขียนถึงครู แทนนะคะ
“ก่อนที่จะได้เจอครู หนูเกลียดผู้ใหญ่รอบตัวมาก
ทุกคนมองว่าหนูเป็นเด็กไม่ได้เรื่อง
คนที่เข้าใจหนู มีแต่เพื่อนเท่านั้น เพื่อนสำคัญที่สุด
ถ้าไม่ได้เจอครู หนูคงไม่คิดจะเรียนต่อมหาลัย
คงหางานอะไรสักอย่างทำไปวันๆ แต่งงาน มีลูก
แต่พอเจอครู ครูรับที่หนูเป็นหนู
ครูชมหนูบ่อยๆ ครูไม่หน้าบึ้งใส่หนูเหมือนผู้ใหญ่คนอื่น
แถมครูยิ้มและหัวเราะบ่อยๆ ด้วย
ครูยังฟังเรื่องที่หนูเล่าโน่นเล่านี่ด้วย
ตอนที่หนูบอกคนรอบตัวว่าจะเข้าม. เคโอ
มีแต่คนบอกว่าหนูบ้าไปแล้ว
แต่ครูทำให้การเรียนที่เคโอ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น น่าสนุกสำหรับหนู
ทำให้หนูเริ่มสนใจ ….
แตว่า พอลองตั้งใจเรียนจริงๆ
หนูตกใจมากว่า ทำไมหนูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรขนาดนี้
ขณะเดียวกัน การได้รู้ว่าเราไม่รู้อะไร มันเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ
หนังสือที่อ่านสนุกกว่าที่คิด หนูยังรู้สึกเสียดายเลยว่า หนูกลับมาเรียนช้าไป
เวลาครูเล่าเรื่องการเมืองให้ฟัง
หนูกลับไปบ้าน ก็เริ่มฟังข่าวเข้าใจมากขึ้น
เวลาหนูอ่านการ์ตูนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ครูแนะนำ
หนูก็เริ่มฝันอยากเดินทางไปดูของจริงที่โน่นที่นี่
หนูเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน เวลาที่หนูทำตัวไร้สาระ
โลกนี้ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกตั้งเยอะนะคะ
(ย่อ)
ตอนที่หนูสอบเข้าเคโอได้ หนูสัมผัสได้ถึงอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปมากในตัวหนู
ครูบอกว่า “เธอจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น”
หนูยังจำคำนี้ได้ไม่ลืมเลยค่ะ
(ย่อ)
หนูได้เรียนรู้ว่า หากเราพยายามอะไรถึงที่สุด
พยายามจนเกือบตาย
ชีวิตมันเปลี่ยนไปจริงๆ
ชีวิต … ขึ้นอยุ่กับการที่เราเลือกเดินจริงๆ”
ที่มา gademaru
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น